สิ่งเร้นลับมหัศจรรย์ ทั่วแคว้นแดนไกล

เมื่อหลายปีที่ผ่านมาดุเหมือนว่าภัยธรรมชาติจะสร้างความตื่นตกใจให้กับพี่น้องชาวอินโดนีเซียบ่อยครั้ง ทั้งนี้เนื่องจากประเทศอิโดนีเซียนั้น เป็นประเทศที่ตั้งอยู่บนเกาะซึ่งมีมากมายถึง7พันกว่าเกาะและที่สำคัญในจำนวนนั้นนับเป็นพันๆ เกาะที่ยังมีภูเขาไฟ ซึ่งยังไม่ได้ดับสนิทและยังประทุอยู่เสมอ

                อย่างต่อเนื่องเดือนกันยายน ปี พ.ศ.2511 สูตรแทงหวย หรือเมื่อปีที่แล้วนี่เอง ที่ทำให้ประชาชนบนเกาะซุมบาวา ในทะเลซีเลเบส ต้องอกสั่นขวัญหายหนีตายกันอลหม่าน เนื่องจากเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวอย่างรุนแรง จนชาวบ้านเชื่อกันว่าเกิดขึ้นมาจากการสั่นสะเทือนของลาวาที่ร้อนระอุอยู่ใต้โลกลึกลงไปเนื่องจากบริเวณนี้ตั้งอยู่บนวงแหวนแห่งไฟที่ภูเขาไฟพร้อมจะระเบิดได้ทุกเมื่อ และสิ่งที่เหลือเชื่อต่อจากนั้นก็คือ จากเหตุแผ่นดินไหวนี่เองที่ทำให้นักธรณีวิทยาที่เข้าไปตรวจสอบพื้นที่ได้ค้นพบศพและหมู่บ้านโบราณที่ถูกฝังอยู่ใต้ลาวาภูเขาไฟแทมโบร่าที่ถล่มซุมบาวาเมื่อเกือบสองร้อยปีที่ผ่านมา จนทำให้มีผู้คนล้มตายมากมายเป็นเบือ และเป็นภัยพิบัติมหาวินาศที่กลายเป็นตำนานที่เล่าขานกันไปทั่วโลกถึงโศกนาฏกรรมครั้งนี้  สูตรแทงบอล

                ถ้าจะว่าไปแล้วนั้นภัยธรรมชาติที่มนุษย์อาจจะต้องประสบจนถึงขั้นทำให้โลกทั้งโลกพังทลายมีอยู่ไม่กี่อย่าง อย่างแรกคือภัยจากดาวหางหรืออุกาบาตรพุ่งชนโลก การระเบิดของรังสีแกมมา สูตรแทงบาคาร่า  สูตรแทงไฮโล และแน่นอนภัยจากภูเขาไฟระเบิดเป็นอีกหนึ่งภัยที่มีความสามารถกระทำล้างเผ่าพันธุ์มนุษย์

                หากนับวันเวลาย้อนกลัวไปเมื่อประมาณเกรือบ200ที่ผ่านมา ซึ่งตรงช่วงเวลาที่กรุงรัตนโกสินทร์ทำการสถาปนาเป็นราชธานี มาได้เพียง 33ปีในขณะนั้นตรงกับแผ่นดินของพระพระบาทสมเด็จพระพุทะเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่  2ประเทศอินโดนีเซีย ประเทศเพื่อนบ้านของเราก็ต้องประสบกับภัยพิบัติจากภูเขาไฟระเบิดครั้งใหญ่อีกครั้งเมื่อเกิดการระเบิดของภูเขาไฟแทมโบร่าขึ้นซึ่งว่ากันว่าเป็นการระเบิดของภูเขาไฟครั้งรุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ยุคใหม่และแน่นอนว่ามันทำให้ความน่าสะพรึงกลัวในตำนานถูกตอกย้ำอีกครั้ง รวมสูตรเล่นการพนัน

                การระเบิดของภูเขาไฟแทมโบร่า เกิดขึ้นในวันที่ 10 เมษายน พ.ศ.2358 แม้คนทั่วไปจะได้ยินกิตติศัพท์ และพากันร่ำลึกถึงอนุภาพของการระเบิดภูเขาไฟกรากะตัวในประเทศอินโดนีเซียซึ่งถล่มเกาะทั้งเกาะจนจมหายไปในมหาสมุทรมากกว่าแต่ภายหลังนักวิทยาศาสตร์พบว่าการระเบิดของภูเขาไฟแทมโบร่ามีความรุนแรงมากกว่าการระเบิดของภูเขาไฟกรากะตัวหลายเท่า หรือถ้าหากนำความรุนแรงในการระเบิดของภูเขาไฟแทมโบร่า เทียบกับอนุภาพระเบิดปรมาณู อาวุธที่มีความร้ายกาจจนถึงขั้นทำลายโลกแล้ว การระเบิดของภูเขาไฟแทมโบร่ามีความรุนแรงเท่ากับระเบิดของปรมาณู 60000ลูก เมื่อเกิดการระเบิด พร้อมกันเลยทีเดียว

                และด้วยแรงระเบิดที่มหาศาลทำให้มีฝุ่นละอองที่ล่องลอย ปกคลุมชั้นบรรยากาศของโลกซึ่งมีปริมาณมากกว่าฝุ่นละออกจากการระเบิดของภูเขาไฟกรากะตัวถึง 7 เท่า นักวิทยาสาสตร์จัดแบ่งความรุนแรงด้วยระดับ0-ระดับสูงสุดที่มีอนุภาพมากพอ ถึงขั้นทำลายล้างโลกใช้แทนระดับความรุนแรงด้วย 8 การระเบิดของแทมโบร่าในคราวนั้นถูกจัดว่ามีความรุนแรงอยู่ในระดับ 7 ซึ่งไม่บ่อยนักที่โลกเราต้องเผชิญกับความรุนแรงที่มากถึงขนาดนี้

                สำหรับภุเขาไฟแทมโบร่านั้น ตั้งแต่อยู่บนเกาะ Sumbawa ในประเทศอินโดนีเซียใกล้ๆกับเกาะบาหลี โดยตั้งอยู่ในคาบสมุทรซุนดา หรือที่เรียนกันทะเลซีเลเบส ไกลออกไปทางตะวันออกของประเทศมาเลเซียในการระเบิดของแทมโบร่าครั้งนั้น ทำให้เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหวไปไกลถึง50กิโลเมตร ต้นไม้ล้มกันระเนระนาดคล้ายกับโลกทั้งโลกจะพังทลายลงในพริบตา ทำให้บริเวณนั้นไร้ซึ่งแสงอาทิตย์ตลอดสองวันสองคืน ที่เกิดการระเบิดขึ้น

                หลังจากเกิดการระเบิดของภูเขาไฟแทมโบร่า นักวิทยาศาสตร์พบว่าพื้นผิวโลกได้รับพลังงานจากแสงอาทิตย์น้อยลงถึง 20 เปอร์เซ้นต์ เพราะชั้นบรรยากาศของโลกเต็มไปด้วยฝุ่นที่คละคลุ้งอยู่เต็มไปหด อุณหภูมิอากาศของซีกโลกเหนือลดลงอย่างมากฝุ่นภูเขาไฟที่ลอยคละคลุ้งไปทั่วในชั้นบรรยากาศโลกต้องอาศัยเวลานานหลายปีกว่าจะตกลงมาสู่พื้นโลกจนหมดสิ้น

                ในภายหลัง นักวิทยาสาสตร์ยังพบอีกว่าน้ำแข้งบนเกาะกรีนแลนด์ที่ขุดลงไปเพื่อศึกษา มีฝุ่นละอองจากภูเขาไฟปะปน อยู่มากมายเมื่อทำการทดสอบวัดอายุน้ำแข็งที่ห่อหุ้มเถ้าถ่านภูเขาไฟ แล้วพบว่าฝุ่นภูเขาไฟเหล่านั้นเป็นฝุ่นละอองที่เกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟแทมโบร่า ในประเทศอินโดนีเซียนั่นเอง ซึ่งจากการระเบิดที่รุนแรงของภูเขาไฟในครั้งนั้นทำให้ความสูงมันหดหายลงไปถึง 1400เมตร และลักษณะทางกายภาพของภูเขาไฟแทมโบร่าได้กลายเป็นหลุมกว้าง 6 กิโลเมตร ลึกลงไป 1 กิโลเมตร

                แน่นอนว่าการระเบิดของแทมโบร่าไม่ได้สร้างมลพิษที่เกิดขึ้นกับโลกเพียงอย่างเดียวในวันที่เกิดเหตุระเบิดลาวาได้ไหลท่วมทับฝังผู้คนบนเกาะซุมบาวา จนตายทั้งเป็นมากกว่า9000คน และทำให้คนเกรือบ100000คนต้องประสบกับโรคระบาด และต้องกลายเป็นคนพิการในเวลาต่อมา

                การระเบิดของภูเขาไฟแทมโบรา ได้ส่งผลกระทบไปยังทั่วทุกมุมโลก ในทวีปยุโรป และอเมริกาเหนือกลายเป็นช่วงแห่งการไม่มีกลางวันเป็นเวลานานนับสัปดาห์ เพราะถูกฝุ่นละอองภูเขาไฟบดบังแสงอาทิตย์ไว้ แม้ในประเทศจีน บนเกาะไหหลำก็มีสภาพไม่แตกต่างกันและผลพวงในคราวนั้นถึงกับทำให้ทวีปยุโรป และอเมริกาเหนือไม่มีฤดูร้อนในปีนั้น ในประเทศอังกฤษมีฝนตกแทบทุกวัน และแน่นอนว่าสำหรับประเทศไทยของเราที่อยู่ใกล้ๆกันกับประเทศอิโดนีเซียก็ตกอยู่ภายใต้ความมืดมิดไร้ซึ่งแสงตะวันเช่นกัน

                และเมื่อความเลวร้ายได้ผ่านพ้นไป มักจะทิ้งไว้เพียงแค่อดีตที่ทับถมอยู่ภายใต้กองซากศพ และผู้คนนับแสนที่ไร้ที่อยู่อาศัยสิ่งสุดท้ายที่ภูเขาไฟแทมโบร่าให้ไว้คือความอุดมสมบูรณ์ของผืนดินที่เกิดการทับถมของเถ้าภูเขาไฟบนเกาะซุมบาวา ผืนดินบริเวณนั้นยังคงเป็นดินที่มีความสมบูรณ์มาตราบเท่าทุกวันนี้ แม้มันอาจจะไม่คุ้มค่าต่อสิ่งที่ชาวเกาะซุมบาวาต้องสูญเสียไป แต่มันก็เป็นเพียงสิ่งเดียวที่พวกเขาเหลืออยู่หลังต้องสูญครอบครัว สูญเสียคนที่รักและที่อยู่อาศัย

                ความน่าสะพรึงกลัวของภูเขาไฟระเบิดมีมากกว่าภัยธรรมชาติชนิดอื่น เพราะนอกจากมันจะทำให้ผุ้คนล้มตายภายใต้คลื่นลาวาที่ไหลหลากร่างไร้ชีวิตนอนสงบนิ่งไม่ไหวติงอยู่ภายใต้เถ้าถ่านภูเขาไฟแล้วมันยังก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางภูมิศาสตร์ และสิ่งแวดล้อมของโลกอย่างมาก ซึ่งในปัจจุบันนี้พบว่าทั่วโลกยังคงมีภูเขาไฟระเบิดที่รอการประทุอยู่อีกนับพันลูก

                และแทมโบราก็คือหนึ่งตัวอย่างที่สะท้อนให้เห็นความหน้าสะพรึงกลัว และในไม่ช้าไม่นานมันจะกลับมาเขย่าขวัญมวลมนุษย์ชาติอีกครั้ง ขึ้นอยู่กับว่าจะเป็นที่ไหนและเมื่อไหร่ซึ่งเราได้ พบและได้เห็นกันแล้วจากพลังไฟจากใต้พื้นโลกที่ส่งเสียงคำรามก้องเมื่อปีที่ผ่านมา ไม่ว่าในอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์และที่กรีนแลนด์ ซึ่งเป็นดินแดนที่เต็มไปด้วยน้ำแข็งแท้ๆ